วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ชมสวนเสือศรีราชา


 
วนเสือศรีราชา…สถานที่ท่องเที่ยวประเภทสวนสัตว์ มีพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ จัดตั้งขึ้นด้วยแนวคิดที่จะพัฒนาพันธุ์สัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ให้อยู่ ต่อไปเพื่ออนุชนรุ่นหลัง


เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ และยังให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ในด้านการพัฒนาพันธุ์สัตว์ มีฟาร์มเพาะเลี้ยงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว มีฟาร์มเลี้ยงจระเข้มากกว่า 100,000 ตัว มีนกกระจอกเทศ อูฐ รวมไปถึงสวนนกชนิดต่างๆอีกด้วย นอกเหนือสัตว์นานาชนิด แล้วสวนเสือศรีราชายังได้มีกิจกรรมการแสดงต่างๆไว้เช่น




โชว์ละครสัตว์ "อะเมซิ่งเซอคัส" เป็นการแสดงความสามารถของสัตว์ ประกอบด้วยการแสดงของเสือโคร่ง หมี ลิงชิมแพนซี โจ๊กเกอร์โชว์ ชมความสามารถของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลที่มาโชว์ความสามารถลอดบ่วงไฟ เดินบนสะพานเชือก ทำตามคำสั่งของครูฝึก และอีกหลายความสามารถ โชว์แสดงในโรงละครสัตว์ที่สามารถบรรจุนักท่องเที่ยวได้กว่า 1,500 คน

 


โชว์จระเข้ โชว์ความสามารถของผู้หญิงสาวสวย(ไกรทองหญิง) ที่จะมาท้าทาย และจับจระเข้ด้วยมือเปล่า กับโชว์ความสามารถที่น่าตื่นเต้นอีกมากมาย แห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย พบโชว์แสดงวันละหลายรอบ

โชว์ความสามารถของฝูงช้าง และ ลูกช้างแสนรู้ ที่จะมาแสดงความน่ารัก ความสามารถต่างๆ ที่ชมแล้วจะต้องประทับใจ
การเดินทางไปยังสวนเสือศรีราชา


อยู่ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ) ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร
ช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับการมาท่องเที่ยวสวนเสือศรีราชา 08.00 – 18.00 (ทุกวัน)

ค่าใช้จ่ายสำหรับการมาเที่ยวสวนเสือศรีราชา
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 30 บาท
ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 350 บาท เด็ก 200 บาท
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ

เบอร์โทรศัพท์ : +66 (0) 3829 6556 – 8
โทรสาร : +66 (0) 3829 6559
เว็บไซต์ :http://www.tigerzoo.com

ท่องเที่ยวคลายร้อนที่พัทยา

พัทยา พาเพลิน

Pattaya
เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม

          ร้อน ร้อน ร้อน ร้อนจริงๆ นะจ๊ะ อย่างนี้ถ้าอยากคลายร้อน คลายร้อน ต้องไปพัทยา... 555 ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ สู่สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตที่เรียกว่าฮิตสุดๆ ของคนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ มากนัก นั่นคือ... พัทยา นั่นเอง  
          "พัทยา" ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่า... พระเจ้าตากสินได้ตีฝ่าวงล้อมพม่ามารวบรวมพลที่ฝั่งตะวันออก และได้หยุดพักแรมที่นาจอมเทียนและทุ่งไก่เตี้ยสัตหีบ ซึ่งภายหลังชาวบ้านเรียกตำบลนี้ว่า "ทัพพระยา" ต่อมาเรียกใหม่เป็น "ทัพธยา" และกลายเป็น "พัทยา" ในที่สุด  บางคนก็เล่าว่า "พัทยา" มาจากชื่อของลมทะเล ที่พัดจากตะวันตกเฉียงใต้ไปตะวันออกเฉียงเหนือในต้นฤดูฝน   

          ในปี พ.ศ. 2504 ระหว่างสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันได้เข้ามาตั้งฐานทัพในไทย และได้มาพักผ่อนเช่าบ้านพักตากอากาศที่หาดพัทยาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเป็นประจำ และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของสถาที่พักตากอากาศชายทะเลอันมีชื่อเสียงต่อๆ มา (ว้าว... ) 

          อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยานั้นเหมาะแก่การเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มากๆ เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อม ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเศษๆ ก็ถึง (ใกล้จริงๆ) แถมที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ชายหาด สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ เครื่องเล่น กีฬานานาชนิด ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นต้น  
 เอาล่ะ!! ได้เวลาไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองพัทยากันแล้ว...  
หาดพัทยา
          "หาดพัทยา" อยู่ในตัวเมืองพัทยา จากพัทยาเหนือถึงพัทยาใต้ เป็นหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีโรงแรมและสถานบันเทิงบริการตลอดเวลา ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นหาดที่มีถนนเลียบชายหาดที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด ชายหาดทางด้านเหนือเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำ นั่งพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ ส่วนชายหาดช่วงกลางไปจนถึงสุดหาดทางด้านใต้ เป็นบริเวณที่มีธุรกิจการบริการหนาแน่น ทั้งแหล่งอาหาร เครื่องดื่ม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนแหล่งบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ มากมาย 
หาดวงศ์อำมาตย์
          "หาดวงศ์อำมาตย์" อยู่ทางด้านทิศเหนือของอ่าวพัทยา ทางเข้าเดียวกับโรงแรมเซ็นทรัลวงศ์อำมาตย์ ชายหาดมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ เป็นหาดที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักสันโดษ และต้องการมาพักผ่อนเพียงลำพัง หรือลงเล่นน้ำ แต่ถ้าจะมาเป็นคู่ก็ไม่มีใครว่านะคะ อิอิ 
หาดจอมเทียน
          หรือจะไปเที่ยว "หาดจอมเทียน" เดิมเรียกว่า หาดดงตาล เพราะมีต้นตาลตลอดแนว มีหาดทรายขาวสะอาด แต่ชายหาดค่อนข้างแคบ เป็นหาดที่อยู่ทางทิศใต้ ห่างจากตัวเมืองพัทยาประมาณ 4 กิโลเมตร ชายหาดมีความยาว 6 กิโลเมตร มีถนนที่ร่มรื่นเลียบชายหาดโดยตลอด 

          หาดจอมเทียนเป็นหาดที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมเดินทางไปพักผ่อน เล่นน้ำ เช่น กระดานโต้คลื่น ขับเรือสกู๊ตเตอร์ และเล่นกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ บริเวณชายหาดมีร้านอาหาร ร้านค้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว มีโรงแรม คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร ฯลฯ มากมาย (ชักอยากไปแล้วล่ะสิ) 
สวนสนุกและสวนน้ำพัทยาปาร์ค
         "สวนสนุกและสวนน้ำพัทยาปาร์ค" สวนสนุก วันธรรมดาเปิดให้บริการเวลา 13.00 - 22.00 น. วันหยุดและนักขัตฤกษ์เปิด 11.00 - 22.00 น. ภายในบริเวณ มีสวนสนุก สระน้ำวน และบันไดลื่นน้ำขนาดใหญ่ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเล่นน้ำสำหรับครอบครัว มีเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ เสียค่าเข้าแล้วนักท่องเที่ยวสามารถเล่นเครื่องเล่นในนี้ได้ฟรีทุกอย่าง รวมถึงกีฬาและเครื่องเล่นอื่นๆ ด้วย (โห... แจ่มเลย) นอกจากนี้ ในเมืองพัทยายังมีโบว์ลิ่ง สนามแบดมินตันสนามเทนนิส สนามยิงปืนสนามขี่ม้า ฯลฯ โดยบริการต่างๆ นี้เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา  

          ทั้งนี้ ที่พัทยาปาร์คมีหอชมวิว ที่สูงสุดในภาคตะวันออก สูง 240 เมตร (รวมเสาด้วย) เมื่อขึ้นชมวิวบนหอคอยแล้ว การลงจากหอคอยมีให้เลือก 3 ทางคือ โหนสลิงลงมาจากหอคอย นั่งกระเช้าลอยฟ้า หรือกระเช้าเหาะลงมา บนหอคอยมีภัตตาคารที่หมุนรอบตัวตลอดเวลา เพื่อให้ผู้รับประทานอาหารได้ชมวิวทิวทัศน์ ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย สำหรับค่าบริการ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3825-1201-8, 0-3836-4110-20  
พิพิธภัณฑ์ริปลี่ส์
          "พิพิธภัณฑ์ริปลี่ส์" พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมและนำเรื่องราวที่แปลกประหลาด และมหัศจรรย์จากทั่วโลกมาจัดแสดงไว้กว่า 300 ชิ้น ของนายโรเบิร์ต ริปลีส์ ชาวอเมริกัน เช่น ม้าสามขา มนุษย์สี่ตา ศีรษะมนุษย์ส่วน และพิพิธภัณฑ์ปลาฉลาม มาจัดแสดงให้ผู้สนใจเข้าชม ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้ารอยัลการ์เด้น พลาซ่า 218 หมู่ 10 ถ.เลียบชายหาด ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20260 เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00 - 24:00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 280 บาท เด็ก 230 บาท  
          อย่างไรก็ตาม ที่เมืองพัทยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ถ้าอยากรู้ว่าเจ๋งแค่ไหนต้องลองไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองค่ะ
การเดินทาง

          1. มีรถโดยสารจากกรุงเทพฯ - พัทยา มีทั้งรถปรับอากาศและรถโดยสารธรรมดา โทร. 02-390-1230
Pattaya
          2. รถไฟมีรถไฟไปพัทยาทุกวันๆ ละหนึ่งเที่ยว ขาไปเวลา 6.55 น. ขากลับเวลา บ่าย 14.40 น. ของทุกวัน โทร. 02233-7010, 02-223-7020 

          3. ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดชลบุรีจะใช้ได้หลายเส้นทาง คือ

          - ใช้เส้นทางสายบางนา - ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี

          - ใช้เส้นทางสายกรุงเทพฯ - มีนบุรี ทางหลวงหมายเลข 304 ซึ่งจะผ่านทางฉะเชิงเทรา, บางปะกงและเข้าชลบุรี

          - ใช้เส้นทางสายเก่าถนนสุขุมวิททางหลวงหมายเลข 3 ผ่านสมุทรปราการ ถึงแยก อำเภอบางปะกงจึงใช้ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าชลบุรี 

          ซึ่งทั้งสามเส้นทางที่เดินทางจากกรุงเทพฯจะมารวมอยู่ที่ชลบุรี ถึงจะใช้เส้นทางถนนสายสุขุมวิทเพื่อเข้าสู่เมืองพัทยา ซึ่งใช้ถนนสามสายหลักๆ คือ พัทยาเหนือ อยู่ตางหลักกิโลเมตร 144 ถนนพัทยากลาง อยู่ที่หลักกิโลเมตร145 - 146 และพัทยาใต้อยู่ที่หลักกิโลเมตร 147 ถนนทั้งสามเส้นทางนี้จะเลียบชาดหาดพัทยา




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://www.pattayainside.com/index.asp

อ้างอิง

http://hilight.kapook.com/view/22378 

เที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

เที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียว พักผ่อนที่เอสตาเต้

วันนี้เราไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯค่ะ ไปเยี่ยมชนสัตว์น่ารักๆ และบรรยากาศสบายๆสูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติป่าเขา ก็ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีนั่นเองค่ะ ที่นี่เป็นสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเปิดมาแล้วกว่า 30 ปีค่ะ แนวคิดของสวนสัตว์คือเน้นให้สัตว์นานาชนิดอยู่กันตามธรรมชาติให้มากที่สุด จะมีบริเวณที่นักท่องเที่ยวสามารถเห็นได้อย่างใกล้ชิด และสัมผัสได้โดยไม่มีตาข่ายหรือกรงกั้นขวาง ที่สำคัญยังให้อาหารได้อีกด้วยค่ะ แต่จะต้องเป็นอาหารที่ทางสวนสัตว์จัดไว้ให้เท่านั้นนะคะ เพราะผ่านการตรวจสารเคมีที่จะไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญถือว่าเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านระแวกนี้ด้วย เพราะเป็นพืชผักที่ชาวบ้านปลูกและเก็บมาขายค่ะ
“สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ๆ และยังมีการเพิ่มสีสันให้แก่ป่าด้วยการปลูกไม้ดอกประดับประดาในจุดต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดูแล้วสบายตาสบายใจอีกด้วย
สัตว์ที่นี่ก็มีหลากหลายให้ได้ดูค่ะ โดยเฉพาะ “เสือ” มีจำนวนมากหลากหลายชนิดเป็นพิเศษ มีศูนย์ศึกษาวิจัยเฉพาะ และจะเห็นได้จากการตั้งชื่อบริเวณนี้ว่า “หุบเสือ” ถือว่าเป็นดาวเด่นของที่นี่เลยคือ “เสือโคร่งขาว” และที่เรียกความสนใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ไม่ขาดสายก็คือ “ละมั่ง”  ซึ่งเป็นสัตว์สงวนของไทย และที่นี่มีฝูงที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณสามารถเดินเข้าไปป้อนถั่วฝักยาวได้อย่างใกล้ชิดเลย นอกจากนั้นยังมี “ซาฟารีพาร์ค”  ซึ่งจะมีทั้งยีราฟ นกกระจอกเทศ แรดขาว ให้ได้ชมกัน
ส่วนนักผจญภัยก็ไม่ควรพลาดโปรแกรมผาดโผน “Flight of the Gibbon” คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมผจญภัยที่ท้าทาย ด้วยการโหน บิน (มีเชือกสลิงและตะขอติด) ปีน และโรยตัวด้วยเส้นสลิง ในระยะทาง 3 กิโลเมตร และมีความสูงตั้งแต่ 30-100 เมตร เท่ากับยอดไม้ ต้องผ่านด่านทั้งสิ้น 24 ด่านสถานี
“ไนท์ซาฟารี” ยังเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นั่งรถส่องสัตว์ ได้เห็นวิถีชีวิตสัตว์กลางคืน โดยมีไกด์คอยอธิบายให้ความรู้ไปด้วยค่ะ
ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะภายใน “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” คุณจะเห็นเต้นท์สีขาวตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขา ไม่ต้องสงสัยค่ะ นั่นคือ “เอส-ตา-เต้ แค้มปิ้ง รีสอร์ทแอนด์ซาฟารี” ที่พักท่ามกลางขุนเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงเต้นท์แต่ก็เป็นเต้นท์ที่ตบแต่งพิเศษ มีความสะดวกสบายหลายอย่าง ที่หลับที่นอนพร้อมเพรียง และที่สำคัญติดแอร์ทุกหลังค่ะ มี 3 แบบให้เลือก เอสตาเต้วิลโล่ สำหรับพัก 2 คน เอสตาเต้เฟอร์ คือการนำเอาเอสตาเต้วิลโล่ 2 ตัวมาต่อกัน เหมาะสำหรับครอบครัว เพราะมีห้องนั่งเล่นตรงกลางเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน และเอสตาเต้คราวน์วิลล่า มี 2 ห้องนอนและมีอ่างอาบน้ำในตัว   นอกจากนั้นยังมีเต้นท์สำหรับการจัดสัมมนาอีกด้วย
ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ บรรยากาศดีมาก ๆ  โดยเฉพาะยามเย็นที่แสงสีทองของพระอาทิตย์ใกล้อัสดงกระทบผิวน้ำ สร้างสีสันให้กับมื้อค่ำของอาหารยิ่งนัก โดยมีเมนูแนะนำที่หลากหลาย
ขอเริ่มกันด้วย “บาร์บีคิว” นะค่ะ มีทั้งไก่ หมู แถมด้วยปลาหมึกและกุ้งย่างอีกด้วย เนื้อนุ่มมากๆ รสกลมกล่อม สัปปะรดหวานสุดๆ มีเคล็ดลับการปิ้ง “บาร์บีคิว” มาฝากด้วยค่ะ ต้องหมักหมูกับไก่ไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง จะทำให้นุ่มน่าทาน และถ่านที่จะนำมาใช้ย่างนั้นต้องให้ติดไฟจนไม่มีควันค่ะ แล้วคุณจะได้ “บาร์บีคิว” ที่อร่อยเด็ด
ตามด้วย “ปลาหมึกผัดไข่เค็ม” รสชาดนุ่มลิ้น ไข่เค็มไม่เค็มมาก กลิ่นไข่เค็มกลบความคาวของปลาหมึกได้เป็นอย่างดี “กุ้งซอสมะขาม”  เป็นกุ้งชุบแป้งทอด ราดด้วยซอสมะขาม รสหวานอมเปรี้ยว โรยหน้าด้วยพริกทอดและหอมเจียว ปิดท้ายรายการด้วยอาหารสุขภาพค่ะ “ปลากะพงสมุนไพร”  ปลาทอดกรอบ ๆ ราดด้วยน้ำยำสมุนไพรสมุนไพรนานาชนิด ประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ขิง หอมแดง ใบโหระพา ใบมะกรูด พริก ถั่ว
วันนี้เลยพาเที่ยวแบบครบวงจร มีทั้งที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ได้ทุกอย่างครบรส หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ค่ะ
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว  038-298-195 www.kkopenzoo.com
Flight of the Gibbon   089-970-5511 www.treetopasia.com
เอส-ตา-เต้ แค้มปิ้ง รีสอร์ทแอนด์ซาฟารี 02-730-0935 www.estateresort.com

อ้างอิง

http://www.oknation.net/blog/cwichuda/2010/10/01/entry-1

ทัวร์เขาสามมุข

เขาสามมุข



 
          เขาสามมุข ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงควบคู่กับหาดบางแสน เป็นทั้งที่ตั้งของศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของยอดเขาสูงที่มีบรรดาฝูงลิงอาศัยอยู่มาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเล่นน้ำที่หาดบางแสน ก่อนเดินทางกลับบ้านมักจะแวะเที่ยวชมที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ทั้งบริเวณนี้ยังมีร้านอาหารทะเลขึ้นชื่ออยู่หลายร้านด้วย
สิ่งที่น่าสนใจ ในเขาสามมุข

*ศาลเจ้าแม่สามมุข*          เจ้าแม่สามมุข เป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ บริเวณเชิงหน้าผาเชิงเขาสามมุขด้านทิศเหนือ ย้ายมาจากที่เดิมบริเวณด้านตะวันตกของเขาสามมุข ศาลแห่งนี้มักมีผู้คนแวะมากราบไหว้ขอพร  และบนบานกันอยู่เสมอ  โดยผู้ที่ได้รับผลสำเร็จตามคำขอจะแก้บนโดยการจุดประทัด  และซื้อสร้อยมุขมาถวายแด่รูปปั้นเจ้าแม่  นับเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวจีน  ฮ่องกง  และไต้หวัน  นิยมปฏิบัติกันมาก ไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น ชั้นบนของศาลเจ้าแม่สามมุข เป็นวิหารพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ให้สักการะ  ส่วนบริเวณหน้าวิหารเป็นระเบียงสำหรับชมวิวทะเล
 
*เขาสามมุข*
          เขาสามมุข มีถนนวนถึงยอดเขาที่เป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลกว้างไกล ด้านเหนือมองเห็นอ่าวอ่างศิลาที่มีหลักเลี้ยงหอยแมลงภู่และหอยนางรมปักอยู่เต็มท้องทะเล ส่วนด้านตะวันตกมองเห็นแหลมแท่นต่อเนื่องกับหาดบางแสน หากเป็นวันที่มีอากาศปลอดโปร่งจะมองเห็นเกาะสีชังและตัวเมืองศรีราชา ทั้งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามมากแห่งหนึ่ง
 
*ลิงเขาสามมุขป่า*
          ลิงเขาสามมุข เป็นลิงป่าที่อาศัยอยู่ในป่าบนเขาสามมุขมาแต่ดั้งเดิม จะออกมาบริเวณยอดเขาสามมุขตลอดวัน มีจำนวนนับพันหรือมากกว่า นักท่องเที่ยวนิยมซื้ออาหารเลี้ยงลิงจากแม่ค้า เป็นพวกถั่วต้ม ผัก ผลไม้ ขนม ใส่ตะกร้าเล็กๆ ตะกร้าละ 20 บาท ไม่ควรยื่นส่งให้ลิงทั้งถุงหรือห่อ เพราะลิงจะทิ้งถุงเป็นขยะเรี่ยราด สกปรกไปทั่วบริเวณ และให้ระวังลิงเกเรบางตัวเข้ามาแย่งฉวยอาหารจากมือด้วย
ที่ตั้ง : อยู่บริเวณแหลมสามมุข บ้านแหลมแท่น ต.แสนสุข อ.เมือง
การเดินทาง : เขาสามมุขไม่มีรถสองแถววิ่งผ่าน  ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก  แต่สามารถเช่ารถสองแถวจากตลาดหนองมนให้ไปส่งแล้วรอรับกลับได้
- จากอ่างศิลาไปตามทางหลวงหมายเลข 3134 อีกราว 3 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปเขาสามมุข เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 1 กิโลเมตร จนถึงศาลเจ้าแม่สามมุข 
- จากหาดบางแสน ใช้ถนนเส้นเลียบหาดมุ่งตรงสู่แหลมแท่น จะมีป้ายบอกไปตลอดทาง ห่างจากหาดบางแสนราว 2 กิโลเมตร
เวลาทำการ           เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะ  จึงสามารถผ่านไปเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา  แต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว  นักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเยือนและกราบไหว้ศาลเจ้าแม่สามมุขในเวลากลางวัน  จนถึงเวลาประมาณ 18.00น.
อัตราค่าเข้าชม :  ฟรี
ตำนานอันแสนเศร้า ... ของเขาสามมุข          เมื่อปลายรัชสมัยกรุงศรีอยุธยาบริเวณบางแสนและเขาสามมุข ยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คนหนาแน่นเหมือนปัจจุบันนี้ ชื่อบางแสนและเขาสามมุขก็ยังไม่ปรากฏ จะมีก็เพียงแต่ตำบลอ่างหินอันเป็นชุมชนของชาวประมงริมทะเล ซึ่งปัจจุบันก็คือตำบลอ่างศิลาในปัจจุบัน มีเศรษฐีแห่งอ่างหิน (อ่างศิลา) ซึ่งชาวบ้านรู้จักกันในนามว่า "กำนันบ่าย" มีลูกชายชื่อว่า "แสน" และห่างจากตำบลอ่างหินออกไปพอประมาณมียายหลานอาศัยกันอยู่คู่หนึ่ง ยายมีชื่อเสียงเรียงนามใดไม่ได้ปรากฏไว้ ส่วนหลานสาวนั้นมีชื่อว่า "สาวมุข" หรือ "สามมุข" อาศัยอยู่ในเมืองปลาสร้อย (อำเภอเมืองชลบุรีในปัจจุบัน)
          "สามมุข" มักจะชอบมานั่งเล่นดูหนุ่มสาวรวมทั้งเด็กที่มาเล่นว่าวในหน้าลมว่าวอยู่ริมเชิงเขาเป็นประจำ และมีเพื่อนที่คอยหยอกล้อเล่นเป็นประจำก็คือลิงป่าที่ลงมาจากเขา อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ "สามมุข"กำลังนั่งเล่นอยู่ ก็ได้มีว่าวตัวหนึ่งขาดลอยลงมาตกอยู่ที่หน้าของ "สามมุข" เธอจึงเก็บว่าวตัวนั้นไว้และ มีเด็กหนุ่มชื่อแสนวิ่งตามว่าวที่ขาดลอยมาจึงได้พบกับ "สามมุข" เขาทั้งสองได้รู้จักกันและแสนก็ได้มอบว่าวตัวนั้นไว้เป็นที่ระลึก หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พบปะกันเรื่อยมาจนเกิดเป็นความรัก และได้สาบานต่อหน้าขุนเขา(เขาสามมุขในปัจจุบัน) ว่า "ทั้งสองจะครองรักกันชั่วนิรันดร หากใครผิดคำสาบานนี้จะกระโดดหน้าผาแห่งนี้ตายตามกัน" และแสนได้มอบแหวนวงหนึ่งให้แก่ "สามมุข" ไว้เพื่อเป็นพยาน
          เมื่อกำนันบ่ายทราบเรื่องเข้าก็เกิดความไม่พอใจ กีดกันและกักบริเวณแสนไว้ จึงทำให้ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากัน หลังจากนั้นกำนันบ่ายก็ได้ไปสู่ขอลูกสาวคนทำโป๊ะให้กับแสนและกำหนดพิธีการแต่งงานขึ้น ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอ่างหิน (อ่างศิลา) จน "สามมุข" เองก็ได้รับรู้ถึงข่าวนี้ด้วย
          ในวันแต่งงานของแสนได้มีการจัดงานกันอย่างใหญ่โต สมเกียรติกับที่เป็นงานของกำนันบ่าย ตลอดระยะเวลาที่แขกได้ทยอยเข้ามารดน้ำสังข์อวยพรให้คู่บ่าวสาว แสนได้แต่ก้มหน้านิ่งเสียใจอยู่กับตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งแสนรู้สึกว่ามีน้ำสังข์รดลงมาพร้อมกับแหวนวงหนึ่งตกลงมาด้วย แสนจำได้ดีว่าแหวนวงนี้เขาเป็นคนมอบให้ "สามมุข" แต่พอเงยหน้าขึ้น "สามมุข" ก็ได้วิ่งจากไปแล้ว แสนได้หวนคิดถึงคำสาบานที่ได้ให้กับ "สามมุข" ไว้ จึงรีบวิ่งไปที่เชิงเขาแต่ก็สายไป เพราะ "สามมุข" ได้ขึ้นไปที่หน้าผานั้นแล้วทิ้งร่างที่ไร้หัวใจลงดิ่งสู่ก้นผาสิ้นชีพอยู่ริมทะเล แสนผู้ที่ให้คำสาบานไว้กับ "สามมุข" เขาจึงกระโดดลงหน้าผาตาม "สามมุข" หญิงสาวสุดที่รักไป
          จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวพากันเศร้าสลดใจเป็นอย่างมาก จึงพากันสาปแช่งกำนันบ่าย ต่อมากำนันบ่ายจึงได้นำถ้วยชามสิ่งของต่างๆ มาไว้ในถ้ำตรงหน้าผาแห่งนั้นและตั้งชื่อภูเขาลูกนี้ว่า "เขาสามมุข" และชายหาดที่ติดกันว่า "หาดบางแสน" เพื่อเป็นอนุสรณ์รักแด่คนทั้งสองจนถึงปัจจุบัน
          ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเล่าว่า "เมื่อตกดึกได้พบเห็นร่างของหญิงสาวมายืนอยู่ตรงหน้าผานั้น เป็นประจำทุกคืน” ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันสร้างศาลนี้ขึ้นเพื่อ เป็นที่สิงสถิตและ เป็นที่เคารพสักการะแก่ชาวบ้านและชาวประมงเมื่อเวลาที่จะ ออกเรือไปหาปลามักจะมีการมาจุดประทัดบนบาน ขอให้ได้ปลากลับมาเต็มลำเรือ อย่าต้องเผชิญกับลมพายุบางครั้งเจอลมพายุกลางทะเลก็จุดธูปบน เจ้าแม่สามมุข ให้รอดปลอดภัยจากอันตรายก็สัมฤทธิ์ผลเรื่อยมา
          จากนั้นเมื่อเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ของ เจ้าแม่สามมุข นั้นแพร่กระจายออกไป ก็มักมีคู่รักชายหญิง มาอธิษฐานขอให้ความรักของตนสมหวัง โดยเขียนชื่อตนกับคนรักไว้บนว่าว แล้วแขวนไว้บริเวณศาลโดยเชื่อกันว่า เจ้าแม่สามมุข จะดลบันดาลให้ทุกคู่รักสมหวัง และไม่พลัดพรากจากกันเหมือนดังในตำนาน

อ้างอิง

http://www.chonburicafe.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%82,2-15-88/

ทัวร์หาดบางแสน

เที่ยวใกล้กรุง... เที่ยวบางแสน

หาดบางแสน

หาดบางแสน

หาดบางแสน

เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม

          หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบท่องเที่ยว แต่ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก วันนี้เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดเจ๋ง ที่สามารถไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้ หรือจะค้างคืนก็ไม่มีใครว่า นั่นคือ... หาดบางแสน ชายทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด อยู่ที่ จังหวัดชลบุรี นี่เอง

          หาดบางแสน อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยที่มีชื่อเสียงมาช้านาน มีถนนตัดเลียบชายหาด ซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านอาหารและที่พัก มีเก้าอี้ผ้าใบสำหรับพักผ่อนรับประทานอาหารใต้ร่มเงาทิวมะพร้าว มีห่วงยางว่ายน้ำ บานาน่าโบ๊ต จักรยานให้เช่า และห้องอาบน้ำจืด ทุกวันหยุดจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ

          อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก "หาดบางแสน" มีผู้คนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ครั้งหนึ่งที่นี่ดูทรุดโทรมไป ทำให้หลายคนคิดว่าหาดบางแสนเป็นชายทะเลที่แสนสกปรก แต่ปัจจุบัน "หาดบางแสน" กลับมาน่าเที่ยวอีกครั้ง ด้วยการจัดระบบและปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดได้อย่างดีเยี่ยมของเทศบาลแสนสุข เรียกว่าทั้งสะอาด ทั้งมีระเบียบ แถมน่าเที่ยวสุดๆ เลยก็ว่าได้




การเดินทาง...

รถยนต์

          จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายบางนา - ตราด มุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี จากตัวเมืองชลบุรี มุ่งหน้าสู่หาดบางแสน (หลักกิโลเมตรที่ 104) จากนั้นเลี้ยวขวามือ มุ่งหน้าสู่หาดบางแสน ขับตรงไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ก็จะถึงหาดบางแสน

รถประจำทาง

          มีรถโดยสารสายกรุงเทพฯ - บางแสน ออกจากสถานีขนส่งเอกมัยทุกวัน หรือ ขึ้นรถสายกรุงเทพฯ - ชลบุรี ลงที่สี่แยกเฉลิมไทยในตัวเมืองชลบุรี แล้วต่อรถสองแถวไปยังหาดบางแสน

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ 

          สำนักงานจังหวัดชลบุรี โทรศัพท์ 0-3827-5034

          เทศบาลเมืองชลบุรี โทรศัพท์ 0-3827-9407 ต่อ 112

          ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทรศัพท์ 0-3827-9448

          ตำรวจท่องเที่ยว โทรศัพท์ 1155

          สถานีเดินรถโดยสารประจำทาง โทรศัพท์ 0-3842-9877

อ้า้งอิง

http://hilight.kapook.com/view/23417


วัดใหญ่อินทาราม

วัดใหญ่อินทาราม

วัดใหญ่อินทาราม ตั้งอยู่ที่ ถ.เจตน์จำนง ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง

ตัวเมืองชลมีวัดที่มีศิลปะน่าแวะชมคือวัดใหญ่อินทาราม ใกล้กันมีวัดต้นสน ซึ่งมีโบสถ์และภาพเขียนที่น่าสนใจ ใกล้กับศาลากลางจังหวัดมีสวนสาธารณะริมทะเล บรรยากาศดีเป็นที่นิยมของคนเมืองชลและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ชมจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยา

โบสถ์เปิดวันพระ ติดต่อสอบถาม โทร.0-3827-5844,0-3828-3264

เดิมชื่อวัดหลวง เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่เมืองชลบุรี สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งซ่อมแซมใหม่ ในอดีตสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ตรัสชมว่า “ฝีมืองามมาก อย่าให้ซ่อมแซมเป็นอันขาด”

ควรไปเที่ยวชมในวันพระ หากเป็นวันธรรมดา ต้องติดต่อขอกุญแจที่เจ้าอาวาส นอกจากนี้ทางวัดยังมีพระนักวิชาการช่วยนำชมและอธิบายให้ความรู้ด้วย

การเดินทางไปเที่ยว หากจะไปรถส่วนตัว จากสี่แยกเฉลิมไทย (เฉลิมไทยชอปปิ้งมอลล์) ใช้ ถ.โพธิ์ทอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.เจตน์จำนง วัดอยู่ทางซ้ายมือ ก่อนถึงสี่แยกท่าเกวียน หน้าวัดมีลานจอดรถกว้าง หรือใช้รถประจำทางก็สามารถไปได้เช่นกันโดยรถสายรอบตัวเมืองชลบุรี

ประวัติความเป็นมา เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเคยเสด็จมาพักทัพคราวมาปราบนายทองอยู่ นกเล็ก ซึ่งร่วมมือกับโจรสลัดข่มเหงชาวเมืองชลบุรี และขัดขวางมิให้ชาวเมืองชลบุรีไปสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ ภายในวัดมีพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชให้สักการบูชา วัดนี้ผ่านการปฏิสังขรณ์หลายครั้ง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 3 และ 4 เมื่อปี พ.ศ.2518 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระอารามหลวง

ที่นี่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้คุณได้ดูได้ชมกันอีกได้แก่
๐โบสถ์ มีฐานแอ่นโค้งเป็นท้องสำเภาและมีการต่อพาไลเป็นหลังคายื่นออกมา มีเสารองรับทางด้านหน้า ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบนี้เป็นที่นิยมในสมัยอยุธยาตอนปลายถึงต้นรัตนโกสินทร์ เครื่องบนหรือหลังคาทำซ้อนกันสองชั้น มีใบระกาหางหงส์เช่นวัดทั่วไป ส่วนช่อฟ้าทำเป็นรูปเทพนมหันหน้าออกทั้งสองด้าน มีความงามโดดเด่นสะดุดตามาก หน้าบันทั้งด้านหน้าและหลังของโบสถ์ปั้นลายปูนปั้นเป็นชั้นช่อดอกไม้ ใช้ถ้วยกระเบื้องเคลือบอย่างจีนมาประดับ กรอบประตูหน้าต่างก็ทำเช่นเดียวกัน ลักษณะเช่นนี้เป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3

๐จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์ เป็นภาพจิตรกรรมสีฝุ่น บนผนังระหว่างช่องหน้าต่างทั้งสองข้าง เขียนเรื่องทศชาติชาดก ตอนบนเป็นภาพเทพชุมนุมเรียงกันสามชั้น ผนังด้านหน้าตรงข้ามพระประธานเป็นภาพมารผจญ มีภาพทหารชาติต่างๆ เช่น ยุโรป จีนจาม ถืออาวุธต่างชนิดกัน ผนังด้านหลังพระประธานเป็นเรื่องไตรภูมิมีแผนภูมิจักรวาล ป่าหิมพานต์ นรกภูมิ และพุทธประวัติ ใครสนใจอยากรู้จักต้นนารีผลก็สามารถชมที่ผนังหลังพระประธานนี้ อยู่ทางตอนล่างของภาพ เป็นภาพต้นไม้ที่ออกผลคล้ายร่างกายมนุษย์ บนเพดานเขียนเป็นลายดาวเพดานบนพื้นสีแดง ส่วนขื่อเขียนเป็นลายไทยคล้ายลายผ้าโบราณ เสาหกคู่ที่รองรับขื่อเขียนลายทองทุกต้น

ทางวัดได้ร่วมกับกรมศิลปากรดูแลรักษาจิตรกรรมในโบสถ์ไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ และทำคำบรรยายประกอบจิตรกรรมแต่ละด้านไว้ด้วย

๐วิหารเล็กทิศเหนือของโบสถ์ ฐานวิหารมีลักษณะท้องช้างเช่นเดียวกับโบสถ์ บานประตูทางเข้าวิหารตกแต่งด้วยลายรดน้ำปิดทองภาพต้นนารีผล ส่วนภาพเขียนภายในวิหารเลือนจนแทบมองไม่เห็นแล้ว
๐มณฑปพระพุทธบาท อยู่หลังโบสถ์ มีการปฏิสังขรณ์เมื่อ พ.ศ.2492 ภายในมีพระพุทธบาทเบื้องซ้ายขนาด 62×149 ซม. เปิดให้เข้านมัสการในช่วงตรุษจีนประมาณเดือน ก.พ. เท่านั้น ผนังภายในมณฑปมีภาพเขียนที่เขียนขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลปัจจุบัน เกี่ยวกับการกอบกู้อิสรภาพและการตั้งทัพที่วัดใหญ่อินทารามของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และมีภาพวิถีชีวิตประเพณีของชาวเมืองชล รวมถึงประเพณีวิ่งควาย แต่ละภาพมีคำโคลงบรรยายประกอบ

๐หลวงพ่อเฉย ประดิษฐานในศาลามหาราช ใกล้กับโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปสำริดทรงเครื่องที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของชาวชลบุรี กล่าวกันว่าหากนำเศษผ้าจีวรที่คลุมองค์หลวงพ่อไปผูกข้อมือเด็กที่เจ็บออดแอด เด็กคนนั้นจะกลายเป็นเด็กเลี้ยงง่ายอย่างน่าอัศจรรย์

อ้างอิง

http://www.thailands360.com/Eastern/Chon%20Buri/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-546.html

เที่ยวหัวหิน

เที่ยว หัวหิน สูดกลิ่นธรรมชาติ บรรยากาศแสนดี

หัวหิน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบจาก Kidsanook และทางอินเทอร์เน็ต

          หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ (วันหยุดที่แสนจะน้อย...) เราขอแนะนำ "หัวหิน" สถานที่พักผ่อนสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เนื่องจากอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ มากนัก ตั้งอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นี่เอง (ใกล้แค่เอื้อม 555)   

          "หัวหิน" นับเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จากแต่เดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง และได้ถูกเปลี่ยนแปลงจนกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนติดทะเล ที่ติดอันดับความนิยมของประเทศในตอนนี้ (วู้ว... สุดยอด !!) ปัจจุบัน "หัวหิน" มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทของชาวบ้านเอง หรือรีสอร์ทที่เป็นระดับห้าดาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเสน่ห์ของหัวหินยังคงเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนตลอดทั้งปี...  
หัวหิน... หัวหิน... หัวหิน... เมื่อพูดถึง "หัวหิน" หลายคนมักนึกถึงแต่ทะเล เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... แต่จริงๆ แล้ว "หัวหิน" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบเมืองอีกมากมายนะคะ ว่าแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง...

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน 

          รัชกาลที่ 6 โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466 ได้รับขนานนามว่า "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง" ลักษณะเป็นพระตำหนักไม้สองชั้น หันหน้าออกสู่ทะเล พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด "พระที่นั่งสุนทรพิมาน" เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรชายา "พระที่นั่งพิศาลสาคร" เป็นที่ประทับของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

          เป็นหมู่พระที่นั่งตรงกลางประกอบด้วยห้องต่างๆ สำหรับสำราญพระอิริยาบถ ห้องพักข้าราชบริพารที่คอยรับใช้ใกล้ชิด ห้องทรงพระอักษร และ "พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ " เป็นอาคารโถงสองชั้นเปิดโล่งใช้เป็นที่ประชุมในโอกาสต่างๆ และเป็นโรงละคร ซึ่งเคยจัดแสดงละครครั้งสำคัญ 2 ครั้ง คือ เรื่องพระร่วง และวิวาห์พระสมุทร 

          พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 16.00 น. สำหรับผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ ต้องทำหนังสือถึงผู้กำกับการกองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โทร. (032) 471388 , 471130

พระราชวังบ้านปืน  

พระราชวังบ้านปืน 

          พระราชวังบ้านปืน หรือ พระรามราชนิเวศน์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์ สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า บริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดยมิสเตอร์คาลเดอริง ชาวเยอรมัน

          เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี  พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็น"พระรามราชนิเวศน์" ปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำตำบล ฯลฯ 

          การเข้าชมต้องทำหนังสือล่วงหน้าถึงผู้บังคับการจังหวัดทหารบก กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 11 อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 หรืออาจติดต่อที่ป้อมยามแลกบัตรเพื่อขอเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการ

สถานีรถไฟหัวหิน

สถานีรถไฟหัวหิน (พลับพลาสถานีรถไฟ) 

          "สถานีรถไฟหัวหิน" เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของไทย สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้ คือ พลับพลาในแบบสถาปัตยกรรมไทยเด่นสะดุดตา ซึ่งได้ย้ายมาจากพระราชวังสนามจันทน์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 มีความสวยงามทางด้านสถาปัตย์และศิลป์ ซึ่งใครที่เห็นจะรู้สึกประทับใจ สถานียังคงเปิดให้บริการจวบจนทุกวันนี้ (ว้าว...)

เขาหินเหล็กไฟ

          จุดชมวิวตัวเมืองและอ่าวหัวหินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยจุดชมวิวหลายจุด ที่สำคัญคือเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังมีศูนย์สินค้าพื้นเมือง สวนนก ร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม เป็นต้น ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 ก.ม. ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการชมพระอาทิตย์ คือ ช่วงเช้าตรู่ และยังมีสวนสาธารณะไม้ดอก สวนผีเสื้อ อยู่บนเขา และมีจุดชมวิวเห็นตัวเมืองหัวหิน สนามกอลฟ์ และทะเล (ยืนชมวิวกับคนรักก็เก๋ไม่เบา อิอิ)

เขาตะเกียบ

เขาตะเกียบ เขาไกรลาส

          มีวัดตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งยื่นออกไปในทะเล ตั้งอยู่ห่างตัวเมืองทางทิศใต้ 6 ก.ม. ภายในบริเวณวัดร่มรื่น เย็นสบาย มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอ่าวหัวหินที่งดงามมากจุดหนึ่ง รอบเขาตะเกียบนี้มีที่พักและร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง และยังมีภูเขาลูกเล็กๆ 2 ลูกอยู่ใกล้กัน ห่างจากหัวหินไปทางใต้ประมาณ 14 กิโลเมตร เขาตะเกียบมีโขดหินที่ยื่นออกไปในทะเล มีความสวยงามเหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุด และยังมีจุดชมวิวสวยๆ อีกด้วย

เขาช่องกระจก  

เขาช่องกระจก 

          อยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด แม้จะสูงชัน แต่มีบันไดขึ้นไปจนถึงยอดเขา แต่ขึ้นไปแล้วรับรองคุ้มค่า เพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ และทางทิศเหนือของภูเขาลูกนี้มีช่องคล้ายกรอบกระจก จึงเรียกว่า "เขาช่องกระจก" ที่สำคัญบนเขานี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธบาทจำลองด้วย

หาดสวนสนประดิพัทธ์

หาดสวนสนประดิพัทธ์ 

          อยู่ห่างจากหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีทางแยกจากถนนเพชรเกษมที่ กม. 240 เข้าไปประมาณ 500 เมตร มีรถโดยสารจากหัวหินไปยังสวนสนทุก 20 นาที บริเวณชายหาดมีที่พักลักษณะเป็นบังกะโล เรือนแถว และห้องพัก ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เกาะสิงโต 

          ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งสวนสนประมาณ 800 เมตร เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีผู้นิยมไปตกปลาและดำน้ำ ติดต่อเช่าเรือได้ที่หมู่บ้านเขาตะเกียบ

หัวหิน                              

หาดหัวหิน
          ชายหาดอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งแรกของเมืองไทย ด้วยน้ำทะเลใส ทรายสะอาด บรรยากาศดี จึงเป็นที่ใฝ่ฝันและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานทุกยุคทุกสมัย
ตลาดโต้รุ่งหัวหิน 

          นับเป็นสีสันยามราตรีของหัวหิน ทุกเย็นมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปเสมอ เพราะเป็นแหล่งรวมแผงอาหารนานาชนิด ทั้งอาหารไทย อาหารทะเล ขนมไทย โรตีแขก ปรุงสดๆ ให้เลือกสรร นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกจำหน่ายมากมาย

สวนหลวงราชินี 

          สวนสาธารณะริมทะเลแห่งใหม่ของหัวหิน 19 ถ.เพชรเกษม ก่อนถึงตัวเมืองหัวหิน 2 ก.ม.เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และจัดกิจกรรมต่างๆ มีดนตรีฟังสบายๆ ทุกเย็นวันศุกร์

น้ำตกป่าละอู

น้ำตกป่าละอู 

          น้ำตกสวยงามขนาด15 ชั้น กลางป่าดิบชื้นอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองพลับ อ.หัวหิน ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 60 กิโลเมตร ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีน้ำไหลตลอดปี เป็นแหล่งที่มีผีเสื้อชุกชุม ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการท่องเที่ยว คือ ช่วงเช้าตรู่ ประมาณ 07.00 - 10.00 น. เนื่องจากอากาศเย็นสบายและมีโอกาสพบสัตว์ป่า รวมทั้งนกหายากหลายชนิด เช่น นกเงือก

อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด

 อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด
          ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกิ่งอำเภอสามร้อยยอด ตามตำนานเล่าว่าเดิมเคยเป็นทะเลที่มีเกาะแก่งมากมาย เรือสำเภาจีนเดินทางค้าขายผ่านมาและเกิดอัปปางลง ลูกเรือว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งรอดชีวิต 300 คน จึงตั้งชื่อว่า "เขาสามร้อยรอด" แล้วเพี้ยนมาเป็น "เขาสามร้อยยอด" ซึ่งพ้องกับลักษณะ 4 ภูมิประเทศ ที่เป็นเขาหินปูนมากมายนับไม่ถ้วนนั่นเอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรก

          ด้วยเนื้อที่ 98 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน ลำคลอง และที่ราบน้ำท่วมถึง เกิดเป็นทุ่งหนองมีพืช ปลา สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ค่างแว่นถิ่นใต้ เลียงผา นก ซึ่งมีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมากมายถึงกว่า 300 ชนิด เป็นระบบนิเวศแห่งพื้นที่ชุ่มน้ำที่สมบูรณ์และมีความสำคัญในระดับประเทศ 

          โอ๊ะโอ้ว... นี่เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝากเท่านั้นนะคะ ที่ "หัวหิน" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายรอให้คุณไปสัมผัสด้วยตัวเอง... ขอบอกว่าไม่ไปไม่รู้จริงจริ๊ง... สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ต่อไปนี้ค่ะ 
           ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว โทร.0-3253-2433
           สำนักงานการท่องเที่ยวภาคกลางเขต 2 (ททท.) โทร. 0-3247-1005-6
           สถานีตำรวจ โทร.0-3251-5995 
           ที่ทำการไปรษณ๊ย์ โทร. 0-3251-1063
           สถานีกาชาดเฉลิมพระเกียรติ โทร.0-3251-10124
           สถานีรถปรับอากาศหัวหิน โทร.0-3251-1654
           สถานีรถไฟหัวหิน โทร.0-3251-1073
           สถานีขนส่งหัวหิน (บขส.) โทร 0-3251-1230
           ท่าอากาศยานหัวหิน โทร. 0-3252-0343
           สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.0-3251-3574
           สถานีตรวจอากาศหัวหิน โทร.0-3251-1172
           ศูนย์ร่วมด้วยช่วยกันหัวหิน โทร.0-3251-9111, 191

ข้อมูลการเดินทาง 

icon โดยรถยนต์ส่วนตัว ได้ 2 เส้นทาง 
          - สายธนบุรี - ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.เพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านเพชรบุรี เข้าหัวหิน ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง 

          - สายพุทธมณฑล ผ่านนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประมาณ 3 ชั่วโมง

icon โดยรถโดยสาร 
          เริ่มต้นที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ รถปรับอากาศมี 2 ประเภท คือ ชั้น 1 และ ชั้น 2 รถปรับอากาศชั้น 1 จะจอดเฉพาะอำเภอที่สำคัญเท่านั้น ส่วนรถปรับอากาศชั้น 2 จะแวะจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางด้วย 

          รถปรับอากาศชั้น 1   
บ.พุดตานทัวร์ โทร.02-435-5302  
          บ.หัวหิน-ปราณทัวร์ 02-884-6191-2 
          บางสะพานทัวร์ 02-435-5105 

          รถปรับอากาศชั้น 2 
          รถร่วมบริการ 02-437-7414

icon โดยรถไฟ 

          มีรถไฟไปหัวหินทุกวัน  เริ่มที่หัวลำโพง โทร. 02-233-7010 , 02-223-7020

          เริ่มที่สถานีธนบุรี-บางกอกน้อย โทร. 02-411-3104

icon โดยเครื่องบิน  
          โดยบริษัทบางกอกแอร์เวย์ มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-หัวหิน วันละ 1 เที่ยว โทร. 02-229-3456-63 


อ้างอิง
http://hilight.kapook.com/view/20042